“Dawn of the Planet of the Apes” ไม่ใช่แค่ภาคต่อของ “Rise of the Planet of the Apes” (2011) แต่เป็นการกระโจนก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงในจักรวาลของไพรเมตที่ชาญฉลาด ตัวภาพยนตร์กำกับโดย Matt Reeves ผู้สร้างผลงานชิ้นเอก “Cloverfield” (2008) และ “Let Me In” (2010) ซึ่งเขายกระดับความตื่นเต้นและความซับซ้อนของเรื่องราวไปอีกขั้นหนึ่ง
หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกที่ไวรัสทำให้ลิงพันธุ์ชิมแพนซีได้รับสติปัญญาสูงขึ้น, พวกมันได้ก่อตั้งสังคมใหม่ของตนเองซึ่งนำโดย Caesar ลิงผู้มีจิตใจเมตตาและความเป็นผู้นำอย่างเหนือชั้น “Dawn of the Planet of the Apes” เกิดขึ้นทศวรรษหลังจากนั้น
มนุษยชาติเผชิญกับความหายนะอันใหญ่หลวง การระบาดของไวรัสทำให้โลกเข้าสู่ยุคแห่งความวุ่นวายและการล่มสลาย สิ่งที่เหลืออยู่คือผู้รอดชีวิตจำนวนน้อยซึ่งต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด
ในขณะเดียวกัน, Caesar และฝูงลิงของเขามีชีวิตอยู่ในป่าใกล้เมืองซานฟรานซิสโก พวกเขาสร้างบ้านเรือนและระบบสังคมของตนเองขึ้นมาอย่างสงบสุข จนกระทั่งกลุ่มผู้รอดชีวิตนำโดย Malcolm (Jason Clarke) เดินทางมาถึงอาณาเขตของลิง เพื่อขอความช่วยเหลือในการเปิดใช้งานโรงไฟฟ้าเก่า
การพบกันครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์ที่ต่างก็ต้องการอยู่รอด Malcolm พยายามโน้มน้าว Caesar ให้เห็นถึงความจำเป็นในการร่วมมือกัน แต่ความไม่ไว้วางใจและความกลัวจากฝ่ายมนุษย์ และการต่อต้านของ Koba (Toby Kebbell) ลิงผู้มีความแค้นลึกในใจที่มีต่อมนุษย์ ทำให้สถานการณ์เริ่มบานปลาย
“Dawn of the Planet of the Apes” เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ได้นำเสนอเรื่องราวของความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์อย่างเข้มข้น การแสดงของ Andy Serkis ในบท Caesar เป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เขาสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนทางอารมณ์และความเป็นผู้นำของ Caesar ออกมาได้อย่างสมจริง
นอกจากนี้, Matt Reeves ยังได้สร้างฉากแอคชั่นที่ตื่นเต้นและน่าจดจำ ซึ่งผสานกับเทคนิค CGI ที่ล้ำสมัย สร้างภาพของลิงที่มีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
นักแสดงหลักใน “Dawn of the Planet of the Apes”:
บทบาท | นักแสดง |
---|---|
Caesar | Andy Serkis (Motion Capture) |
Malcolm | Jason Clarke |
Maurice | Karin Konoval (Motion Capture) |
Koba | Toby Kebbell (Motion Capture) |
Buck | Kirk Acevedo |
Theme and Symbolism:
ภาพยนตร์ “Dawn of the Planet of the Apes” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของสงครามระหว่างมนุษย์กับลิงเท่านั้น แต่ยังได้สำรวจหัวข้อที่ซับซ้อนและน่าคิด เช่น:
- ความกลัวและความไม่ไว้วางใจ: ความขัดแย้งระหว่าง Caesar และ Koba แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความกลัวและความไม่ไว้วางใจต่อความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์
- ศักยภาพและความรับผิดชอบ: การพัฒนาของลิงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในเผ่าพันธุ์อื่นๆ และความจำเป็นในการใช้ความรับผิดชอบอย่างชาญฉลาด
Production Highlights:
“Dawn of the Planet of the Apes” เป็นผลงานสร้างสรรค์จาก 20th Century Fox ที่มีงบประมาณสูงถึง $170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- Motion Capture Technology: เทคโนโลยี Motion Capture เล่นบทบาทสำคัญในการสร้างลิงที่ดูสมจริงและเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
- Visual Effects: ภาพยนตร์ใช้เทคนิค CGI ที่ล้ำสมัยในการสร้างโลกหลังหายนะ และฉากแอคชั่นที่ตื่นเต้น
Reception and Legacy:
“Dawn of the Planet of the Apes” ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป ภาพยนตร์ทำรายได้กว่า $710.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั่วโลก และได้รับรางวัลชนะเลิศหลายรางวัล รวมถึงรางวัล Saturn Awards
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้สร้างความนิยมให้กับแฟรนไชส์ “Planet of the Apes” อีกครั้ง โดยมีภาคต่อ “War for the Planet of the Apes” (2017) ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก